ถั่วมะแฮะ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cajanus cajan (L) Millsp. หรืออาจจะมีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ถั่วแฮ มะแฮะ ถั่วแระ ถั่วแม่ตาย ถั่วแรด มะแฮะตัน ถั่วแฮ่ เป็นต้น อาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยมากนัก เพราะถั่วมะแฮะเป็นถั่วพื้นบ้านของไทยที่มีมากในแถบภาคอีสานชาวบ้านมักปลูกถั่วมะแฮะไว้ในสวนครัวตามบ้านเพียงไม่กี่ต้นเพื่อไว้รับประทาน เป็นผักสดจิ้มน้ำพริก กินกับเมี่ยงข่า ปลาร้าสับ และนิยมนำมาตำเหมือนส้มตำ ยังไม่นิยมรับประทานเมล็ดแห้งมากนัก
ถึงแม้ว่าถั่วมะแฮะจะเป็นที่รู้จักเฉพาะบางท้องถิ่นของประเทศไทย แต่ในแถบประเทศอินเดียและแอฟริกา รู้จักถั่วมะแฮะ เป็นอย่างดีในชื่อ pigeon pea ซึ่งชื่อนี้อาจจะมาจากลักษณะของเมล็ดถั่วแห้งที่มองแล้วเหมือนนกพิราบก็เป็นได้ ถั่วชนิดนี้ถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญในประเทศแถบร้อน ซึ่งองค์กรอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญสำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติ
ถั่วมะแฮะแหล่งอาหารที่อุดมไว้ด้วยโปรตีน (คิดจากส่วนที่บริโภค 100 กรัม เมล็ดสดมีโปรตีน 70% และ 19.2% ในเมล็ดแห้ง) เป็นถั่วไขมันต่ำ เหมาะกับผู้ที่ลดความอ้วน ช่วยลดน้ำตาลและลดโคเลสเตอรอลในเลือด มีกรดอะมิโนจำเป็นเทียบเท่ากับถั่วเหลือง เช่น Methionine Lysine และ Try-ptophan นอกจากนั้นยังมีวิตามินบีสูง โดยเฉพาะ วิตามินบี 12 และยังอุดมด้วยแคลเซียม โปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินเอ และไนอาซิน
นอกจากจะเป็นพืชที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิดแล้ว แพทย์พื้นบ้านของอินเดียยังใช้ใบของถั่วมะแฮะในการรักษาโรคต่างๆ มาเป็นเวลายาวนาน อาทิ โรคเบาหวาน นิ่วในทางเดินปัสสาวะ โรคเกี่ยวกับประจำเดือน โรคตับอักเสบ รักษาอาการแพ้ของผิวหนัง เป็นต้นนอกจากนี้ยังมีรายงานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่น่าสนใจของใบและเมล็ดถั่วมะแฮะอีกด้วย พบว่าสารสกัดจากใบด้วย ethanol และด้วยวิธี supercritical fluid carbon dioxide (SF-CO2) พบว่ามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า BHT ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสังเคราะห์ นอกจากนั้นยังพบว่าสารสกัดจากใบถั่วมะแฮะมีฤทธิ์ในการป้องกันการทำลายของแอลกอฮอล์ต่อเซลล์ตับและยังสามารถเพิ่มการทำงานของเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ตับอีกด้วย ซึ่งได้มีการศึกษาในเซลล์เม็ดเลือดขาวของมนุษย์ พบว่า โปรตีนจากถั่วมะแฮะสามารถลดการทำลาย DNA จากอนุมูลอิสระชนิดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้ถึง 40%
จากข้อมูลดังกล่าวถั่วมะแฮะมีศักยภาพในฐานะเป็นแหล่งโปรตีนที่มีไขมันต่ำและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณภาพ ทดแทนถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี เพราะในปัจจุบันถั่วเหลืองที่ปลูกในบ้านเราไม่เพียงพอต่อการบริโภคจนจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศและอาจเป็นพืชที่มีการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) เพื่อให้ทนทานต่อโรคและเพิ่มผลผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภค หากมีการส่งเสริมให้ปลูกและบริโภคถั่วมะแฮะกันอย่างจริงจัง ก็จะเป็นการใช้ประโยชน์จากถั่วพื้นบ้านของไทยได้อย่างคุ้มค่าและปลอดจากพืช GMO โดยอาจนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มน้ำเต้าหู้หรือเต้าหู้ชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังสามารถนำมาเพาะเป็นถั่วงอกและผลิตเป็นแป้งถั่วมะแฮะหรือวุ้นเส้นถั่วมะแฮะก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อทดแทนถั่วเศรษฐกิจอื่นๆ
อย่างไรก็ดีอาจจะมีข้อจำกัดบางประการในการผลิตเพื่อบริโภค เนื่องจากถั่วมะแฮะอาจไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเท่าใดนัก แต่หากมองในแง่ของความมั่งคั่งทางอาหารแล้วถั่วมะแฮะเป็นของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติมอบให้ ดังนั้นหากเราต้องการสร้างความยั่งยืน มั่งคั่งทางอาหารแล้วละก็ เราควรเรียนรู้ธรรมชาติของถั่วชนิดต่างๆ ว่าดีต่อร่างกายอย่างไร ดีต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร เพื่อที่จะไม่ได้มองข้ามคุณค่าตามธรรมชาติของถั่วพื้นบ้านนั้นๆ และช่วยกันส่งเสริมรณรงค์เพื่อให้คนไทยหันมาบริโภคถั่วพื้นบ้านของเราที่ปลูกได้เองในประเทศไทย